หลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชํานาญ
ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขานิติเวชศาสตร์
(Residency training in Forensic Medicine)
นิติเวชศาสตร์ (Forensic Medicine) เป็นสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย และการนำเอาวิชาแพทย์ทุกสาขาไปประยุกต์เพื่อประโยชน์แก่กระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ จำต้องอาศัยองค์ความรู้เรื่องการตายต่าง ๆ ที่ผิดธรรมชาติ รวมทั้งการตายโดยธรรมชาติแบบกะทันหันและไม่คาดคิด และอาจต้องทำการผ่าชันสูตรศพเพื่อหาสาเหตุการตาย ทำการตรวจทางนิติพิษวิทยา (Forensic Toxicology) จุลพยาธิวิทยา (Histopathology) ร่วมกับการไปตรวจศพ ณ สถานที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลมาประกอบในการพิเคราะห์พฤติการณ์การตายว่า การตายที่ผิดธรรมชาตินั้นเป็นการตายจากอุบัติเหตุ อัตวินิบาตกรรม หรือถูกฆาตกรรมคือถูกผู้อื่นฆ่าได้ รวมถึงการพิสูจน์ตัวบุคคลโดยตรวจศพและชิ้นส่วนของศพ ประมาณเวลาว่าศพที่ตรวจนั้นตายมานานแล้วเท่าไร โดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงของศพภายหลังตาย
นอกเหนือไปจากกรณีการตายแล้วนั้น งานด้านนิติเวชคลินิก (Clinical Forensic Medicine) ก็เป็นขอบข่ายงานหนึ่งที่แพทย์นิติเวชต้องทำการตรวจผู้ป่วยคดีอันได้แก่ ผู้ที่พยายามฆ่าตัวตาย(attempted suicide) ผู้ที่ถูกหรือสงสัยว่าถูกคนหรือสัตว์ทำร้าย (homicide/ animal bite) ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุต่างๆ (traffic accident) ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศและผู้ที่ได้รับการทำแท้ง (sexual assault/ illegal abortion) ผู้ที่พนักงานสอบสวนส่งมาขอให้ตรวจร่างกายหรือตรวจหาสารพิษ สารเสพติด หรือระดับแอลกอฮอล์ในร่างกาย อันเนื่องมาจากเป็นผู้เสียหาย ผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหา เพื่อให้ความเห็นทางการแพทย์ อันนำไปใช้ในกระบวนการยุติธรรมต่อไป
สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับการประสานงานระหว่างกองบัญชาการตำรวจนครบาลและกองบัญชาการตำรวจภูธรทั่วประเทศไทย ในการนำเอาความรู้และความเชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ผสมผสานกับงานทางด้านสืบสวนสอบสวน เพื่อใช้ในการคลี่คลายคดีสำคัญต่าง ๆ รวมทั้งคดีอุฉกรรจ์และคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ และเป็นผู้นำด้านการจัดการสถานการณ์กรณีอุบัติภัยหมู่ ทางสถาบันนิติเวชวิทยานั้นเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่โดยตรงทางนิติเวชศาสตร์ในประเทศไทย มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลและวัตถุดิบที่จำเป็นในการอบรมให้ความรู้กับนักศึกษาหรือผู้มีวิชาชีพเกี่ยวข้องกับกฎหมายและการแพทย์ หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไปที่สนใจในกิจการและความก้าวหน้าของวิทยาการทางนิติเวชศาสตร์ มีห้องปฎิบัติการอันทันสมัย สามารถรองรับงานที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากความก้าวหน้าทางยาและสารเคมีใหม่ๆ ในปัจจุบันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกจากนี้ สถาบันนิติเวชวิทยายังมีการทำโครงงานวิจัยโดยบุคลากรภายในหน่วยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเข้าร่วมเครือข่ายงานทางด้านนิติเวชศาสตร์ทั้งในและนอกประเทศเพื่อพัฒนาศักยภาพและยกระดับของงานทางด้านนิติเวชศาสตร์และนิติวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย
พันธกิจของหลักสูตร
สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ได้กำหนดพันธกิจด้านการศึกษาของหลักสูตร คือ
1) ผลิตแพทย์นิติเวชที่มีคุณภาพ มีขีดความสามารถตามมาตรฐานแพทย์นิติเวช
2) ทำงานแบบมืออาชีพ มุ่งเน้นการทำงานเป็นทีม
3) ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม ความปลอดภัย โดยยึดหลักความยุติธรรมและหลักวิชาการเป็นที่ตั้ง
4) เตรียมพร้อมเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อการคิดค้นนวัตกรรม หรือมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางระบบมาตรฐานทางนิติเวชศาสตร์และนิติวิทยาศาสตร์
ในการอบรมหลักสูตรนิติเวชศาสตร์ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ต้องการให้บัณฑิตมีองค์ความรู้ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ความรู้ทางนิติเวชศาสตร์ ทักษะการประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งมีทักษะในการผ่าชันสูตรศพ ตรวจศพ ณ สถานที่เกิดเหตุ รวมถึงการตรวจผู้ป่วยคดีและให้ความเห็นเกี่ยวกับคดี โดยยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม คำนึงถึงความปลอดภัย มีความรับผิดชอบและมีเจตคติที่ดีในการให้บริการบุคคลที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม และมีเจตคติที่ดีในการให้บริการผู้ป่วยคดี รวมถึงคำนึงถึงผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางบนพื้นฐานของการดูแลผู้ป่วยคดีแบบองค์รวม
ทั้งนี้ในการตรวจวินิจฉัย ชันสูตรศพและผู้ป่วยคดี ทางนิติเวชศาสตร์นั้น จำต้องอาศัยความรู้พื้นฐานเฉพาะทางที่กว้างขวางและลึกซึ้ง อีกทั้งต้องมีความเชี่ยวชาญในการให้ความเห็น รวมถึงข้อแนะนำต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งต่อผู้ป่วย พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พนักงานอัยการ เป็นต้น รวมถึงการมีทักษะในการสื่อสารเพื่อทำงานเป็นทีม และการปฏิบัติงานแบบสหวิชาชีพ(กรณีผู้ป่วยคดี) อีกด้วย
ในปัจจุบันอาชญากรรมมีการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นสารพิษ สารเสพติด ยาชนิดต่างๆ รวมถึงข้อมูลต่างๆสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ทำให้อาชญากรรมและการตายนั้นมีความซับซ้อน กระบวนงานและเทคโนโลยีทางนิติเวชศาสตร์และนิติวิทยาศาสตร์ก็มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน และมีความต้องการแพทย์นิติเวชมากขึ้น เพื่อรองรับต่องานที่เพิ่มให้ทั่วทุกภูมิภาค บัณฑิตที่ผ่านการฝึกอบรมจะต้องมีความสามารถในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สามารถทำงานวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ รวมถึงมีความรู้ความเข้าใจในระบบสุขภาพ กระบวนการพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยในการดูและผู้ป่วยคดี อีกทั้งต้องเรียนรู้ติดตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องตามสภาวะสังคม เพื่อสามารถนำความเห็นทางนิติเวชศาสตร์มาใช้ในการอำนวยความยุติธรรมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ จึงใช้หลักการที่ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นศูนย์กลาง มีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด และให้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อให้มีการพัฒนาการเรียนการสอน และการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบ ภายใต้การกำกับดูแลของสมาคมแพทย์นิติเวช และราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งประเทศไทย
ผลลัพธ์ของแผนการฝึกอบรม/หลักสูตร
แพทย์ประจำบ้านที่สำเร็จการฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขานิติเวชศาสตร์ ต้องมีคุณสมบัติความรู้ความสามารถขั้นต่ำตามสมรรถนะหลักทั้ง 6 ด้าน ดังต่อไปนี้
1) การดูแลผู้ป่วยและทักษะทางหัตถการ (Patient Care and procedural skill)
- มีทักษะในการตรวจผู้ป่วยนิติเวชคลินิก และบันทึกหลักฐานทางการแพทย์ ตลอดจนสามารถเขียนรายงานการตรวจ การให้ความเห็นเกี่ยวกับผู้ป่วยคดีได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม สำหรับกรณีที่มีความซับซ้อนเกินความรู้ความสามารถของตนก็สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอื่นได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม โดยปฏิบัติงานภายใต้ศูนย์พึ่งได้และงานชันสูตรผู้ป่วยคดี รพ.ตำรวจ ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ได้แก่ สูตินารีแพทย์ จิตแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งจะให้การดูแลผู้ป่วยทางนิติเวชคลินิกแบบเบ็ดเสร็จครบวงจรทั้งทางร่างกายและจิตใจ
- มีทักษะในการชันสูตรพลิกศพร่วมกับพนักงานสอบสวนได้ทุกกรณีพร้อมทั้งจัดทำบันทึกแนบท้ายการชันสูตรพลิกศพ ณ สถานที่เกิดเหตุได้ และสามารถทำการผ่าศพที่ตายหรือสงสัยว่า ตายโดยผิดธรรมชาติเพื่อตรวจวินิจฉัยทางนิติเวชศาสตร์ทั้งโดยวิธีตรวจด้วยตาเปล่า และวิธีตรวจชิ้นเนื้อด้วยกล้องจุลทรรศน์ร่วมกับวิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่จำเป็น ที่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุการตาย ผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อไร ได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถเขียนรายงานการตรวจต่างๆ ดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง แม่นยำและสมบูรณ์
- มีทักษะในการเก็บหลักฐานทางคดีและตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการทางนิติเวชศาสตร์ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมและเข้าใจการตรวจวิเคราะห์ รวมทั้งแปลผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการทางนิติเวชศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง
- ให้คำปรึกษาทางนิติเวชศาสตร์ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
- สามารถทำหัตถการทางนิติเวชศาสตร์ (procedural skill) ได้แก่ การตรวจศพและการตรวจชิ้นเนื้อได้อย่างถูกต้อง
- สามารถให้ข้อมูลทางนิติเวชศาสตร์ต่อพนักงานสอบสวนและเบิกความเป็นพยานต่อศาลได้อย่างถูกต้อง
2) ความรู้ (Medical Knowledge)
- มีความรู้ความสามารถรอบด้านทั้งทางนิติเวชศาสตร์ ความรู้และวิทยาการใหม่ๆทางนิติวิทยาศาสตร์ และทางการแพทย์ วิทยาการระบาด พฤติกรรมศาสตร์ สังคมศาสตร์ และสิ่งแวดล้อมรวมทั้งกฎหมาย และนำความรู้เหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการยุติธรรม
- มีความรู้พยาธิกำเนิด พยาธิสรีระ เทคนิคการตรวจวินิจฉัยและบอกปัจจัยที่มีผลต่อสาเหตุการตาย
- มีความรู้เกี่ยวกับในการดูแลสิ่งส่งตรวจทั้งระยะก่อนวิเคราะห์ ระยะวิเคราะห์และระยะหลังวิเคราะห์
- มีความรู้ในการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการทางนิติเวชศาสตร์ และการแปลผล
- มีความรู้และสามารถวิเคราะห์ปัญหาสาธารณสุขในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุและอุบัติภัยชนิดต่างๆ รวมทั้งอาชญากรรมเกี่ยวกับการประทุษร้ายต่อร่างกายและชีวิตประเภทต่างๆ ตลอดจนปัญหาของอุบัติการณ์ อัตวินิบาตกรรมด้วย
3) การเรียนรู้จากการปฏิบัติ และการพัฒนาตนเอง (Practice-based learning & improvement)
- เรียนรู้และเพิ่มประสบการณ์ได้ด้วยตนเองจากการปฏิบัติ
- ดำเนินการวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุขได้
- วิพากษ์บทความและงานวิจัยทางนิติเวชศาสตร์ได้
- มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
4) ทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)
- นำเสนอข้อมูลผู้ป่วยคดี/ผู้ตาย และอภิปรายปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
- ถ่ายทอดความรู้และทักษะ ให้แพทย์ นักศึกษาแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งพนักงานสอบสวนและนักกฎหมาย
- สื่อสารให้ ข้อมูลแก่บุคลากรทางการแพทย์ และผู้เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยมีเมตตาเคารพการตัดสินใจและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
- มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทำงานกับผู้ร่วมงานทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพ
- เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำด้านนิติเวชศาสตร์แก่แพทย์และบุคคลากรอื่น
5) ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)
- มีเจตคติ คุณธรรม และมนุษยสัมพันธ์อันดีต่อผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย ญาติผู้ตาย และเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมทุกระดับที่เกี่ยวข้อง ตลอดถึงผู้ร่วมงานทุกคน
- มีทักษะด้านที่ไม่ใช่เทคนิค (Non-technical skills) และสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องได้เหมาะสม
- มีความสนใจใฝ่ รู้และสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต (continuous professional development)
- มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย
- คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม
6) การปฏิบัติงานให้เข้ากับระบบ (System-based practice)
- สามารถอธิบายขอบเขตการปฏิบัติงานและความรับผิดชอบของบุคลากรทางการแพทย์ทุกประเภท ในการที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับปัญหาสาธารณสุขของชุมชน
- เข้าใจโครงสร้างของกระบวนการยุติธรรมของประเทศและสามารถอธิบายบทบาทของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในการสนับสนุนกระบวนการยุติธรรมเพื่อผดุงความยุติธรรมในสังคม
- ใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่าและเหมาะสม และสามารถปฏิบัติงานทางนิติเวชศาสตร์ได้ตามมาตรฐานวิชาชีพเพื่อให้เข้ากับระบบกฎหมาย
- มีความรู้เกี่ยวกับระบบบริหารจัดการห้องปฏิบัติการ รวมถึงความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานการควบคุมคุณภาพทางห้องปฏิบัติการทางนิติเวชศาสตร์
- มีส่วนร่วมในการตรวจสอบความผิดพลาดของระบบงาน และร่วมหาแนวทางแก้ไขและป้องกัน
1) วิธีการให้การฝึกอบรม
1.1 สมรรถนะการดูแลผู้ป่วยและทักษะทางหัตถการ (Patient Care and procedural skill)
จัดตารางการฝึกอบรมได้ตามความเหมาะสมของแต่ละสถาบัน โดยมีการมอบหมายให้ผู้รับการฝึกอบรม มีความรับผิดชอบต่างๆ ในความควบคุมของอาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรมดังต่อไปนี้
- แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ ๑ เรียนรู้เกี่ยวกับนิติเวชคลินิก นิติพยาธิ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการตรวจทางห้องปฏิบัติการทางนิติเวช ได้แก่ การตรวจผู้ป่วยคดี การชันสูตรพลิกศพ ณ ที่พบศพ การตรวจผ่าศพ
- แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ ๒ ดำเนินการตรวจผู้ป่วยนิติเวชคลินิก การชันสูตรพลิกศพ ณ ที่พบศพ การตรวจผ่าศพ การตรวจทางห้องปฏิบัติการทางนิติเวช ภายใต้กำกับของอาจารย์แพทย์และหัวหน้าแพทย์ประจำบ้าน
- แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ ๓ ดำเนินการตรวจผู้ป่วยนิติเวชคลินิกและให้คำปรึกษาทางนิติเวชคลินิก การตรวจศพ ชิ้นส่วนของศพและโครงกระดูก และช่วยสอนนักศึกษาแพทย์ กำกับดูแลการปฏิบัติงานของแพทย์ประจำบ้านชั้นปีที๑และ๒ รวมทั้งให้ความเห็นทางนิติเวชได้ด้วยตนเองโดยมีอาจารย์เป็นที่ปรึกษา
- แพทย์ประจำบ้านต้องทำรายงานการตรวจผู้ป่วยนิติเวชคลินิกไม่น้อยกว่า ๕๐๐ ราย
- แพทย์ประจำบ้านต้องชันสูตรพลิกศพ ณ สถานที่เกิดเหตุ อย่างน้อย ๕๐ ราย
- แพทย์ประจำบ้านต้องผ่าตรวจศพและการตรวจชิ้นเนื้อทางกล้องจุลทรรศน์ไม่น้อยกว่า ๕๐ ราย พร้อมรายงานการตรวจศพที่สมบูรณ์
1.2 ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความสามารถในการนาไปใช้แก้ปัญหาของผู้ป่วยและสังคมรอบด้าน (Medical Knowledge and Skills)
- เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานประยุกต์ (Correlated basic medical science)
- เรียนและปฏิบัติงานในสาขาวิชาเฉพาะทางต่างๆของนิติเวชศาสตร์
- แพทย์ประจำบ้าน เข้าร่วมในกิจกรรมทางวิชาการ เช่น interesting case, journal club เป็นต้น
- แพทย์ประจำบ้าน ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการทางนิติเวชศาสตร์
1.3 การพัฒนาตนเองและการเรียนรู้จากการปฏิบัติ (Practice-based Learning and Improvement) จัดให้แพทย์ประจำบ้าน
- มีประสบการณ์การเรียนรู้ในทางนิติเวชศาสตร์เพื่อการปฏิบัติงานแบบองค์รวม และสหวิชาชีพ
- ปฏิบัติงานสอนนิสิต/นักศึกษาแพทย์ หรือนักศึกษาสาขาอื่น (ถ้ามี) หรือแพทย์ประจำบ้านรุ่นหลังได้
- บันทึกข้อมูลทางนิติเวชในระบบเวชระเบียนผู้ป่วยและในรายงานผลได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์
- ต้องทำงานวิจัยทางนิติเวชศาตร์ โดยเป็นผู้วิจัยหลัก และผลงานนั้นต้องตีพิมพ์ในวารสารที่เป็นที่ยอมรับ
- ต้องนำเสนอและวิพากษ์งานวิจัยทางการแพทย์ในที่ประชุม
1.4 ทักษะปฏิสัมพันธ์และการสื่อสาร(Interpersonal and Communication Skills) จัดให้แพทย์ประจำบ้าน
- เรียนรู้เกี่ยวกับทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร
- ปฏิบัติงานสอนนิสิต/นักศึกษาแพทย์ และแพทย์ประจำบ้านรุ่นหลัง
- นำเสนอข้อมูลผู้ป่วย/ผู้ตาย และอภิปรายปัญหาในกิจกรรมวิชาการได้ เช่น case conference
1.5 ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism) จัดให้แพทย์ประจำบ้าน
- เข้าร่วมกิจกรรมการให้ความรู้ทางด้านบูรณาการทางการแพทย์
- พัฒนาตนเองให้มีเจตคติที่ดีระหว่างการปฏิบัติงานทางนิติเวชศาสตร์และมี non-technical skills ที่เหมาะสม
- มีการเรียนรู้ด้านจริยธรรมทางการแพทย์และสิทธิผู้ป่วย/ญาติผู้ตาย
1.6 การปฏิบัติงานให้เข้ากับระบบ (System-based Practice)
จัดให้แพทย์ประจำบ้านมีประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับโดรงสร้างระบบสาธารณสุขของชาติ ระบบยุติธรรมของประเทศ ระบบคุณภาพของโรงพยาบาล crisis resource management รวมทั้งกระบวนการคุณภาพและความปลอดภัยทางห้องปฏิบัติการ
2) เนื้อหาของการฝึกอบรม/หลักสูตร
2.1 ความรู้พื้นฐานทางพยาธิวิทยา
2.2 ความรู้และทักษะทางนิติเวชศาสตร์ ประกอบด้วย
ก. การชันสูตรศพ ณ สถานที่พบศพ(เกิดเหตุ)
ข. การตรวจทางนิติพยาธิวิทยา
ค. การตรวจผู้ป่วยนิติเวชคลินิก
ง. การตรวจทางห้องปฏิบัติการทางนิติเวชศาสตร์ และการแปลผล
จ. กฎหมายทางการแพทย์และจริยธรรมทางการแพทย์
3) การทําวิจัย
เพื่อเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้โดยการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม เพื่อให้ได้องค์ความรู้ใหม่ และเพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีพื้นฐานในการทางวิจัยและวิเคราะห์ทางสถิติทางการแพทย์ รวมทั้งยังสามารถนำไปต่อยอดการศึกษาค้นคว้าในอนาคตด้วยตนเอง ซึ่งแพทย์ประจําบ้าน นิติเวชศาสตร์ต้องบรรลุตามหลักสูตรฯ แพทย์ประจำบ้านต้องทำงานวิจัยอย่างน้อย 1 เรื่อง ในระหว่างการปฏิบัติงาน 3 ปี โดยอาจเป็นผู้วิจัยหลัก/ร่วม รายละเอียดใน ภาคผนวกที่ 5
4) การเรียนรู้ทางด้านบูรณาการ
ก. ทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)
- การสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแพทย์, ผู้ร่วมงาน, ผู้ป่วย ญาติ ผู้ป่วย และญาติผู้ตาย
- การบอกข่าวร้าย
- ปัจจัยที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแพทย์และผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย ญาติผู้ตาย
- การบริหารจัดการสถานการณ์ที่ยากลําบากในการปฏิบัติงาน
- การตระหนักรู้พื้นฐานความเชื่อทางสุขภาพและความตายที่ต่างกัน
ข. ความเป็นมืออาชีพ
- การบริบาลโดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง patient-centered care
- การยึดถือประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นหลัก
- การรักษาความน่าเชื่อถือแก่ ผู้ป่วย สังคม โดยการรักษามาตรฐานการดูแลรักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุด
- การให้เกียรติและยอมรับเพื่อนร่วมวิชาชีพ เพื่อนร่วมงาน ผู้ป่วย และญาติ
- ความสามารถปรับตนเองให้เข้ากับสภาวะหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดไว้ก่อน
- การตรวจชันสูตรศพ
- ด้วยความเคารพผู้ตาย
- ให้เกียรติและยอมรับเพื่อนร่วมวิชาชีพ เพื่อนร่วมงาน ญาติผู้ตาย
- พฤตินิสัย
- ความรับผิดชอบ ความตรงต่อเวลา ความซื่อสัตย์ และมีวินัย
- การแต่งกายให้เหมาะสมกับกาลเทศะ
- จริยธรรมการแพทย์
การหลีกเลี่ยงการรับผลประโยชน์ส่วนตัวในทุกกรณีการนับถือให้เกียรติ สิทธิ และรับฟังความเห็นของผู้ป่วย ในกรณีผู้ป่วยไม่เห็นด้วยกับการตรวจวินิจฉัยหรือ ปฏิเสธการตรวจวินิจฉัย กรณีญาติและผู้ป่วยร้องขอตามสิทธิผู้ป่วย
- การรักษาความลับและการเปิดเผยข้อมูลผู้ป่วยและผู้ตาย
- การประเมินขีดความสามารถ และยอมรับข้อผิดพลาดของตนเอง
- การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
- การกําหนดความต้องการในการเรียนรู้ของตนเอง
- การค้นคว้าความรู้ และประเมินความน่าเชื่อถือได้ด้วยตนเอง
- การประยุกต์ความรู้ที่ค้นคว้ากับปัญหาทางคดีได้อย่างเหมาะสม
- การวิเคราะห์และวิจารณ์บทความทางวิชาการ
- การเข้าร่วมกิจกรรมวิชาการอย่างสมํ่าเสมอ
- การใช้ electronic databases และการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการเรียนรู้
- การถ่ายทอดความรู้แก่แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ นิสิต นักศึกษา ผู้ป่วยและ ญาติ รวมทั้งพนักงานสอบสวนและนักกฎหมาย
ค. การปฏิบัติงานให้เข้ากับระบบ
- ความรู้เกี่ยวกับระบบสุขภาพและการพัฒนาสาธารณสุขของชาติ
- ความรู้เกี่ยวกับระบบประกันสุขภาพ เช่น ระบบประกันสุขภาพ ระบบประกันสังคม ระบบสวัสดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการ เป็นต้น ความรู้เกี่ยวกับการประกัน คุณภาพ และกระบวนการ hospital accreditation การประเมินประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลของการดูแลรักษา
- ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวของทางการแพทย์และสาธารณสุข
ง. การพัฒนาตนเองและการเรียนรู้จากการปฏิบัติ
- การร่วมชันสูตรพลิกศพ ณ ที่พบศพแบบทีมสหวิชาชีพ
- การร่วมดูแลรักษาผู้ป่วยคดีแบบทีมสหวิชาชีพ
- ทักษะและจริยธรรมในการวิจัย
- การใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการและทรัพยากรอย่างสมเหตุผล
- การบันทึก portfolio
- การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล
- การเสริมสร้างสุขภาพและการป้องกันโรค
- การมีส่วนร่วมในองค์กร เช่น ภาควิชา/แผนก/กลุ่มงาน โรงพยาบาล/สถาบัน ราชวิทยาลัย เป็นต้น
3. จํานวนปีของการฝึกอบรม 3 ปี
>>> รายละเอียดการสมัครหลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจําบ้านเพิ่มเติม <<<
รายชื่อแพทย์ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรแพทย์ประจำบ้าน
รายชื่อแพทย์ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรแพทย์ประจำบ้านสาขานิติเวชศาสตร์ สถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ
รายชื่อแพทย์ประจำบ้าน ปี 2559
ร.ต.ต.ณัฐวุฒิ โยธินอุปไมย
รายชื่อแพทย์ประจำบ้าน ปี 2560
ร.ต.ต.ณัฐพงศ์ กิตติโสภณพันธุ์
รายชื่อแพทย์ประจำบ้าน ปี 2561
–
รายชื่อแพทย์ประจำบ้าน ปี 2562
–
รายชื่อแพทย์ประจำบ้าน ปี 2563
–
รายชื่อแพทย์ประจำบ้าน ปี 2564
นายเด่นพล มาแสง
นายมนตรี แซ่หวู
รายชื่อแพทย์ประจำบ้าน ปี 2565
นายณฐกานต์ เสาวภา
รายชื่อแพทย์ประจำบ้าน ผู้เข้าอบรมหลักสูตรแพทย์ประจำบ้านสาขานิติเวชศาสตร์ สถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ
นายอิทธิพัฒน์ ปิยะจิตติ
นายสยาม สังข์ประเสริฐ
นายวิสัยทัศน์ รัตนวนิช
นางสาวญดา พงษ์สิงห์จันทร์